Skip to Content

การใช้โอโซนในน้ำ

การใช้โอโซน (Ozone) ในน้ำ 

เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการฆ่าเชื้อโรคและบำบัดน้ำ โอโซน (O₃) เป็นก๊าซที่ประกอบด้วยออกซิเจนสามอะตอม มีคุณสมบัติเป็นสารออกซิไดซ์ที่แรง สามารถกำจัดเชื้อโรค สารอินทรีย์ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ


หลักการทำงานของโอโซนในน้ำ

  • โอโซนจะทำปฏิกิริยาออกซิเดชันกับจุลินทรีย์ สารอินทรีย์ หรือสารเคมีในน้ำ
  • สามารถทำลาย DNA และโปรตีน ของเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และโปรโตซัว ทำให้ไม่สามารถแพร่พันธุ์หรือมีชีวิตอยู่ได้
  • เมื่อโอโซนทำปฏิกิริยาเสร็จสมบูรณ์ จะสลายตัวกลับเป็นออกซิเจน (O₂) ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม


ข้อดีของการใช้โอโซนในน้ำ

  1. ประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค
    • โอโซนสามารถกำจัดเชื้อโรคได้หลากหลายชนิด เช่น
      • แบคทีเรีย (E. coli, Salmonella)
      • ไวรัส (Norovirus, ไวรัสตับอักเสบ A)
      • โปรโตซัว (Cryptosporidium, Giardia)
  2. ไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย
    • โอโซนสลายตัวเป็นออกซิเจนหลังการใช้งาน จึงไม่มีสารเคมีตกค้างในน้ำ
  3. ช่วยกำจัดสารอินทรีย์และสารเคมีในน้ำ
    • ลดกลิ่น สี และรสไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอับในน้ำ
    • ช่วยกำจัดสารอินทรีย์ที่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง หรือสารประกอบฟีนอล
  4. เพิ่มออกซิเจนในน้ำ
    • หลังจากโอโซนสลายตัว จะเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพน้ำ
  5. ไม่ต้องใช้สารเคมีอื่น
    • ต่างจากคลอรีนหรือสารเคมีอื่น ๆ ที่อาจมีผลข้างเคียง


ข้อจำกัดของการใช้โอโซนในน้ำ

  1. ค่าใช้จ่ายสูง
    • ระบบผลิตโอโซนต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ เช่น เครื่องกำเนิดโอโซน และระบบควบคุม
    • ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุงรักษาสูงกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ
  2. ไม่มีผลป้องกันการปนเปื้อนหลังการฆ่าเชื้อ
    • ต่างจากคลอรีนที่มีสารตกค้างช่วยป้องกันการปนเปื้อน โอโซนไม่มีผลป้องกันหลังจากฆ่าเชื้อ
  3. การสลายตัวอย่างรวดเร็ว
    • โอโซนมีอายุการใช้งานในน้ำสั้นมาก (ประมาณ 15–30 นาที) จึงต้องผลิตและใช้งานในทันที
  4. ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า
    • ระบบผลิตโอโซนต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน จึงอาจไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน
  5. ต้องการการออกแบบระบบที่เหมาะสม
    • การใช้โอโซนในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ หากใช้ในปริมาณสูงเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ


การใช้งานโอโซนในน้ำ

  1. ระบบผลิตน้ำดื่ม
    • ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่นหรือรสในน้ำดื่ม
    • นิยมใช้ในโรงงานผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด
  2. การบำบัดน้ำเสีย
    • ใช้ในกระบวนการบำบัดน้ำเสียเพื่อลดปริมาณสารอินทรีย์ สารเคมี และเชื้อโรค
  3. สระว่ายน้ำและสปา
    • ใช้โอโซนเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคร่วมกับระบบกรองน้ำอื่น ๆ
  4. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
    • ใช้ล้างผัก ผลไม้ หรือทำความสะอาดเครื่องมือในกระบวนการผลิต
  5. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
    • ใช้ปรับปรุงคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง ปลา หรือหอย
  6. การแพทย์และโรงพยาบาล
    • ใช้ฆ่าเชื้อโรคในน้ำสำหรับการล้างอุปกรณ์ทางการแพทย์


⚠️

ข้อควรระวังในการใช้โอโซนในน้ำ

  1. การควบคุมปริมาณโอโซน
  • หากมีปริมาณโอโซนเกินความจำเป็น อาจทำให้น้ำมีกลิ่นฉุนและระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ

  2. ติดตั้งระบบกรองที่เหมาะสม

  • ควรติดตั้งระบบกรองก่อนการใช้โอโซน เพื่อให้โอโซนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

​3. การตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ

  • ระบบผลิตโอโซนต้องได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำ


สรุป

การใช้โอโซนในน้ำเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคและบำบัดน้ำ เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการคุณภาพน้ำสูงและไม่มีสารเคมีตกค้าง อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายและการออกแบบระบบที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้


underwater photography of water bubbles

การใช้รังสี UV ในน้ำ