Skip to Content

ขั้นตอนดูแลน้ำให้สะอาดด้วยตัวเอง

การดูแลน้ำให้สะอาดด้วยตัวเอง

การดูแลน้ำให้สะอาดด้วยตัวเองสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำที่ต้องการดูแล เช่น น้ำดื่ม น้ำใช้ หรือแหล่งน้ำในบ้าน


การดูแลน้ำให้สะอาดด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามีน้ำที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและการใช้งานในชีวิตประจำวัน การดูแลน้ำที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำที่ต้องการดูแล ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม น้ำใช้ภายในบ้าน หรือแหล่งน้ำที่อยู่ภายในบริเวณบ้านของเราเอง ซึ่งสามารถทำได้ตามวิธีต่อไปนี้

1. การดูแลน้ำดื่มให้สะอาดและปลอดภัย

น้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว การดูแลน้ำดื่มให้สะอาดสามารถทำได้ดังนี้

  • กรองน้ำก่อนดื่ม
    ใช้อุปกรณ์กรองน้ำ เช่น ไส้กรองคาร์บอน เซรามิก หรือเครื่องกรองน้ำที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อน
  • ต้มให้เดือด
    ควรต้มน้ำให้เดือดอย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสที่อาจปะปนอยู่ในน้ำ
  • ใช้สารฆ่าเชื้อ
    ในกรณีที่ไม่มีเครื่องกรองหรือต้มไม่ได้ อาจใช้คลอรีนหรือสารฟอกขาวที่ปลอดภัยในปริมาณที่เหมาะสม เช่น เติมคลอรีนประมาณ 2-4 หยดต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ก่อนนำมาดื่ม
  • เก็บน้ำให้ถูกสุขลักษณะ
    ควรเก็บน้ำดื่มในภาชนะที่สะอาด มีฝาปิดสนิท และอยู่ในที่เย็น ไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรง เพื่อลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย


2. การดูแลน้ำใช้ภายในบ้าน (อาบน้ำ ล้างจาน ซักผ้า ฯลฯ)

น้ำที่ใช้ภายในบ้านควรสะอาดเพียงพอเพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดจากน้ำปนเปื้อน การดูแลน้ำใช้สามารถทำได้ดังนี้

  • ทำความสะอาดถังเก็บน้ำ
    ควรล้างถังเก็บน้ำเป็นประจำทุก 3-6 เดือน เพื่อกำจัดตะกอน สารอินทรีย์ และเชื้อโรคที่อาจสะสม
  • ติดตั้งระบบกรองน้ำ
    การติดตั้งไส้กรองหยาบก่อนน้ำเข้าระบบประปาภายในบ้าน จะช่วยลดสิ่งสกปรก เช่น ทราย สนิม และตะกอนต่างๆ
  • ตรวจสอบระบบท่อประปา
    ตรวจสอบท่อประปาและซ่อมแซมรอยรั่วที่อาจทำให้สิ่งสกปรกหรือสารเคมีปะปนเข้าสู่ระบบน้ำภายในบ้าน
  • ใช้สารฆ่าเชื้อเมื่อจำเป็น
    หากพบว่าน้ำมีความขุ่นหรืออาจมีการปนเปื้อน ควรเติมคลอรีนในปริมาณที่เหมาะสมลงในระบบท่อน้ำ และปล่อยให้น้ำไหลออกก่อนใช้งาน


3. การดูแลแหล่งน้ำในบ้าน (บ่อ ถังพักน้ำ อ่างเลี้ยงปลา ฯลฯ)

หากมีแหล่งน้ำภายในบ้าน ควรดูแลให้สะอาดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเน่าเสีย ซึ่งสามารถทำได้โดย

  • กำจัดตะกอนและเศษขยะ
    ขจัดใบไม้ ดิน เศษอาหาร หรือสิ่งสกปรกที่อาจสะสมอยู่ในบ่อหรืออ่างน้ำ
  • เติมออกซิเจนในน้ำ
    ใช้อุปกรณ์เติมอากาศหรือปล่อยให้น้ำไหลเวียน เพื่อป้องกันการเกิดน้ำเสียและตะไคร่น้ำ
  • ใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำ
    สามารถใช้ EM Ball (จุลินทรีย์ที่ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์) เพื่อช่วยรักษาคุณภาพน้ำและลดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • หลีกเลี่ยงสารเคมีที่เป็นอันตราย
    ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่อาจปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อม


4. การตรวจสอบคุณภาพน้ำ

หากต้องการตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างละเอียด สามารถใช้ชุดทดสอบน้ำเพื่อวัดค่าต่างๆ เช่น

  • ค่าคลอรีน – ควรมีระดับคลอรีนที่เหมาะสมในน้ำดื่มและน้ำใช้
  • ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) – น้ำดื่มที่ดีควรมีค่า pH ระหว่าง 6.5-8.5
  • ค่าความกระด้างของน้ำ – ตรวจสอบระดับแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำเพื่อป้องกันปัญหาการเกิดหินปูนในท่อประปา



การดูแลน้ำให้สะอาดไม่เพียงช่วยให้เรามีน้ำที่ปลอดภัยต่อการบริโภคและใช้งาน แต่ยังช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากน้ำปนเปื้อน และรักษาสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น


การรีเวิร์สออสโมซิส