การควบคุมคุณภาพน้ำ
การควบคุมคุณภาพน้ำดื่มและน้ำใช้มีความสำคัญต่อสุขภาพของมนุษย์ เนื่องจากน้ำเป็นปัจจัยหลักที่ใช้ในการดำรงชีวิต การควบคุมคุณภาพน้ำจึงต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) หรือมาตรฐานของประเทศต่าง ๆ เช่น มาตรฐานน้ำดื่มของกระทรวงสาธารณสุขในประเทศไทย
1. มาตรฐานคุณภาพน้ำดื่มและน้ำใช้
1.1 มาตรฐานน้ำดื่ม
น้ำดื่มต้องมีคุณภาพที่ปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย และต้องผ่านกระบวนการบำบัดอย่างเหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปจะพิจารณาจากปัจจัยหลัก ดังนี้
- ค่าทางกายภาพ
- ใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส
- ความขุ่น (Turbidity) ไม่เกิน 1 NTU
- ค่า pH อยู่ระหว่าง 6.5 – 8.5
- ค่าทางเคมี
- ไม่มีสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว (Pb), ปรอท (Hg), แคดเมียม (Cd)
- ปริมาณคลอไรด์ไม่เกิน 250 มก./ลิตร
- ปริมาณฟลูออไรด์ไม่เกิน 1.5 มก./ลิตร
- ค่าทางจุลชีววิทยา
- ไม่มีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค เช่น E. coli หรือ Coliform Bacteria
- จำนวนแบคทีเรียทั้งหมด (Total Bacteria Count) ต้องอยู่ในระดับปลอดภัย
1.2 มาตรฐานน้ำใช้
น้ำใช้ทั่วไป เช่น น้ำประปาหรือน้ำสำหรับการซักล้าง ต้องมีคุณภาพเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค โดยต้องเป็นไปตามเกณฑ์ดังนี้
- ไม่มีสีหรือกลิ่นที่ผิดปกติ
- ไม่มีสารเคมีอันตรายที่อาจระคายเคืองผิวหนัง
- ค่า pH อยู่ระหว่าง 6.0 – 9.0
- ไม่มีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายในระดับสูง
2. กระบวนการควบคุมคุณภาพน้ำดื่มและน้ำใช้
การควบคุมคุณภาพน้ำประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ดังนี้
2.1 การตรวจสอบคุณภาพน้ำ
- ตรวจสอบคุณสมบัติทางกายภาพ เช่น ความขุ่น สี กลิ่น และรสชาติ
- ทดสอบทางเคมี เช่น ปริมาณคลอรีน เหล็ก แมงกานีส หรือโลหะหนัก
- ทดสอบทางจุลชีววิทยา เช่น ตรวจหา E. coli หรือ Coliform
2.2 การบำบัดน้ำ
กระบวนการบำบัดน้ำมีหลายวิธี เช่น
- การตกตะกอนและการกรอง: ใช้ในการกำจัดตะกอนและสารแขวนลอย
- การเติมคลอรีน (Chlorination): ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- การใช้รังสี UV (UV Disinfection): ใช้ฆ่าเชื้อโรคโดยไม่ต้องใช้สารเคมี
- การใช้โอโซน (Ozonation): ใช้ฆ่าเชื้อและกำจัดสารอินทรีย์
- การรีเวิร์สออสโมซิส (Reverse Osmosis - RO): ใช้สำหรับการกรองน้ำดื่มบริสุทธิ์
2.3 การเฝ้าระวังและบำรุงรักษาระบบ
- ควรมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นประจำ
- ทำความสะอาดและบำรุงรักษาระบบกรองน้ำอย่างสม่ำเสมอ
- ป้องกันการปนเปื้อนจากแหล่งน้ำเสียหรือสารเคมี
3. วิธีการควบคุมคุณภาพน้ำในแต่ละระดับ
3.1 การควบคุมในระดับครัวเรือน
- ใช้เครื่องกรองน้ำที่เหมาะสม เช่น เครื่องกรองคาร์บอน เครื่องกรอง RO
- ต้ม หรือใช้รังสี UV เพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำดื่ม
- ทำความสะอาดถังเก็บน้ำอย่างสม่ำเสมอ
3.2 การควบคุมในระดับอุตสาหกรรมและโรงงานผลิตน้ำดื่ม
- มีระบบบำบัดน้ำที่ผ่านมาตรฐาน เช่น ระบบกรอง RO, ระบบโอโซน
- มีการทดสอบคุณภาพน้ำเป็นประจำ
- ใช้มาตรฐาน GMP หรือ HACCP ในกระบวนการผลิต
3.3 การควบคุมในระดับหน่วยงานรัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้อง
- การกำหนดมาตรฐานและข้อกำหนดของคุณภาพน้ำ
- การตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาและน้ำดื่มในท้องถิ่น
- การให้คำแนะนำและความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับคุณภาพน้ำ
4. ข้อควรระวังเกี่ยวกับคุณภาพน้ำดื่มและน้ำใช้
- อย่าดื่มน้ำจากแหล่งที่ไม่ผ่านการบำบัด: แม้ดูใสสะอาด แต่ยังอาจมีเชื้อโรค
- ควรเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนด: ไส้กรองที่สกปรกอาจทำให้น้ำปนเปื้อน
- หลีกเลี่ยงภาชนะเก็บน้ำที่ไม่สะอาด: ภาชนะที่มีตะกอนหรือเชื้อราอาจทำให้น้ำปนเปื้อน
- ตรวจสอบการใช้สารเคมีในน้ำ: ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่อาจเป็นอันตรายในปริมาณที่มากเกินไป เช่น คลอรีน

สรุป
การควบคุมคุณภาพน้ำดื่มและน้ำใช้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยต้องมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ และใช้วิธีบำบัดน้ำที่เหมาะสม เพื่อให้ได้น้ำที่สะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค